วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นกเงือก


     

           การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นกเงือก นักท่องเที่ยวที่ต้องการเรียนรู้และอนุรักษ์นกเงือก นกเงือกในปัจุบันนี้ส่วนมากหาดูได้ยากเราควรจะอนุรักษ์และไม่ทำลายเพื่อเราจะได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและได้ดูลักษณะนกเงือก และท่องเที่ยวชมไปตามโพรงไม้ที่มันกำลังเลี้ยงดูลูกมันอยู่หรือกำลังออกมาจากโพรงให้เราได้ชมกันนกเงือกเป็นสัตว์ที่ชอบกระโดด แงะลิ้นสั้น จึงกินอาหารโดยจัดอาหารให้อยู่ปลายปากและโยนกลับลงคอไป อาหารของนกเงือกมีทั้งพืชและสัตว์ เช่นผลไทร สุรามมะริด ผลตาเสือ เป็นต้น สัตว์ได้แก่ สัตว์เลือยคลาน แมลงเป็นต้น เนืองจากนกเงือกทำรังในโพรงไม้ใหญ่ และกินอาหารที่ได้ชนิดแบ่งชี้ความสมบูรณ์ของป่าหรือ          สัญลักษะณะของป่าดงดิบลักษณะของนกเงือกของ และดัชนี้ชี้ความสมบูรณ์ ของป่าดงดิบจับคู่ทำรัง ตามโพรมไม้ใหญ่ ตัวเมียมักจะกกไข่อยู่ ให้กำเนิดลูกน้อย อยู่ภายในโพรม
          ตัวอยู่ทำหน้าที่ปกป้อง และหาอาหารมารให้จนติบใหญ่ ทั่งงแม่ละลูกใครจะเชือว่า นกในป่าเกิดมารักเดียวใจเดียวตลอดชีวิต นกเงือก (HORNBILL) ทั่วโลกมี ๕๕ ชนิด มีการแพร่กระจายอยู่ในแถบเขตร้อน ของทวีปอาฟริกา และเอเซีย ประเทศไทยมีนกเงือก ๑๓ ชนิด ซึ่งในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งมีอาณาเขตส่วนหนึ่งอยู่ใน จังหวัดนครราชสีมา มี ๔ ชนิด ได้แก่ นกกก หรือ นกกะวะหรือ นกกาฮัง นกเงือกสีน้ำตาล นกเงือก กรามช้าง หรือนกกู่กี๋ และนกแก๊ก หรือนกแกง
         นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ อาจมีความยาว ๑.๕ เมตร เมื่อวัดจากปากถึงปลายหาง ส่วนมากมักจะมีขนสีดำสลับขาว มีลักษณะการทำรังโดยตัวเมียปิดขังตัวเองอยู่ภายในโพรงไม้ นกเงือกมีนิสัยในการทำรังผิดแปลกไปจากนกอื่นใดในโลก คือ เมื่อถึงฤดูกาลทำรัง นกคู่ผัวเมียจะพากันหารัง ซึ่งได้แก่ โพรงไม้ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นยาง ที่อยู่ในที่ลับตา
          นกเงือกเป็นนกผัวเดียวเมียเดียว จะมีการเกี้ยวพาราสี เมื่อตัวเมียเข้าไปอยู่ในโพรง จะทำความสะอาดแล้วเริ่มปิดปากโพรง ด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน เปลือกไม้ ตัวเมียจะผสมวัสดุเหล่านี้กับมูลของมันเอง เมื่อปิดปากโพรงจึงเหลือเพียงช่องแคบ ๆ ตัวเมียจะขัง ตัวอยู่ภายในเพื่อออกไข่เลี้ยงลูก ตัวผู้จะทำหน้าที่ดูแลตัวเมียและลูกโดยส่งอาหารผ่านทางปากโพรง นกเงือกจะมีส่วนหนังเปลือยเป็น สีฉูดฉาดอยู่บ้าง เช่น บริเวณคอ ขอบตา มีขนตายาว ขาสั้น ชอบกระโดด ลิ้นสั้น จึงกินอาหารโดยจัดอาหารให้อยู่ที่ปลายปากแล้วโยน กลับลงคอไป อาหารของนกเงือกมีทั้งพืชและสัตว์ เช่น ผลไทร สุรามะริด ผลตาเสือ เป็นต้น สัตว์ ได้แก่ สัตว์เลื้อยคลาน แมลง เป็นต้น
           เนื่องจากนกเงือกอาศัยทำรังในโพรงไม้ใหญ่ และกินอาหารที่ได้จากผลผลิตในป่า นกเงือกจึงเป็นดัชนีบ่งชี้ความสมบูรณ์ ของป่า หรือสัญลักษณ์ของป่าดงดิบเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งในระบบนิเวศ ปัจจุบันการศึกษาวิจัยธรรมชาติมีน้อยมาก การที่มีข้อมูลเรื่อง นกเงือกเป็นอย่างดีทั้งนี้เนื่องจากการ ศึกษาวิจัยอย่างจริงจังของ โครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือกนกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ อาจมีความยาว ๑.๕ เมตร เมื่อวัดจากปลาย ปากถึงปลายหาง ส่วนมากมักจะมีขนสีดำสลับขาวมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว คือ ปากขนาดใหญ่ ยาวโค้ง มีโหนกอยู่บนส่วนปาก จัดเป็นสัตว์ที่ยังคง ความเป็นอยู่แบบโรราณตามลักษณะการทำรังโดยตัวเมียปิดขังตัวเองอยู่ ภายในโพรงไม้ นกเงือกมีนิสัยในการทำรังผิดแปลกไปจากนกอื่นใดในโลก คือ เมื่อถึงฤดูกาลทำรัง นกเงือกเป็นนกผัวเดียวเมียเดียว จะมีการเกี้ยวพาราสี เมื่อตัวเมียเข้าไปอยู่ ในโพรง จะทำความสะอาดแล้วเริ่มปิดปากโพรงด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน เปลือกไม้ ตัวเมียจะผสมวัสดุเหล่านี้กับมูลของมันเอง เมื่อปิดปากโพรงจึงเหลือ เพียงช่องแคบ ๆ ตัวเมียจะขังตัวอยู่ภายใน เพื่อออกไข่เลี้ยงลูก ตัวผู้จะทำหน้าที่ ดูแลตัวเมียและลูกโดยส่งอาหารผ่านทางปากโพรง นกเงือกจะมีส่วนหนังเปลือย เป็นสีฉุดฉาดอยู่บ้างอยู่บ้าง เช่น บริเวณคอ ขอบตา มีขนตายาว ขาสั้น ชอบกระโดด ลิ้นสั้น จึงกินอาหารโดยจัดอาหารให้อยู่ที่ปลายปากแล้วโยนกลับลงคอไป อาหารของนกเงือกมีทั้งพืชและสัตว์ เช่น ผลไทร สุรามะริด ผลตาเสือ เป็นต้น สัตว์ ได้แก่ สัตว์เลี้อยคลาน แมลง เป็นต้น นกคู่ผัวเมียจะพากันหารัง ซึ่งได้แก่ โพรงไม้ตาม ต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นยาง ที่อยู่ในที่ลับตานกเงือก หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Hornbill มีอยู่ด้วยกันถึง 54 ชนิดในโลก พบได้ในป่าเขตร้อน ของทวีปอาฟริกาและเอเซียเท่านั้น ในประเทศไทยมีอยู่ถึง 12 ชนิด นกเงือกมีหน้าตาออกจะโบราณ สักหน่อย ไม่มีสีสันสวยงามนัก สีขนมักมีสีดำ-ขาว ที่แปลกออกไปบ้างคือสีน้ำตาล เทา มีขนาดใหญ่ ถึงใหญ่มาก บางชนิดอาจมีขนาดตัวถึง 1.5 เมตร ความกว้างของปีกที่กางออกอาจถึง 2 เมตร เช่น นกกก แต่มีลักษณะที่น่าขันคือ มันมีปากใหญ่ผิดสัดส่วนกับหัว แถมมี โหนก เหนือปากทำให้ดูเกะกะ ลูกตาและทำให้ดูเหมือนว่าเจ้านกเงือกจะต้องคอนโหนกที่ดูหนักอึ้งเกินความจำเป็น ลักษณะของ โหนก หรือ casqued ที่ว่านี้ ลวงตาดูว่าหนักที่จริงโหนกเป็นโพรง ยกเว้นโหนกของนกชนหิน ( Helmeted Hornbill )   ที่ตันดุจเดียวกับงาช้าง เจ้าโหนกของนกเงือกนี้จะช่วยเราจำแนกชนิดนกกก บ้างก็มีรูปทรงกระบอกทอดนอนตามความยาวของจงอยปากดูคล้ายกล้วยหอม แต่มีปลายงอนขึ้น เช่น โหนกของนกเงือกหัวแรด บ้างก็มีโหนกขนาดเล็กเป็นหยักเป็นลอนดูคล้ายกรามช้าง เช่น นกเงือกกรามช้าง ที่ไม่มีโหนกก็มีเช่น นกเงือกคอแดง
            นกเงือกจะมีส่วนหนังเปลือยเป็นสีฉูดฉาดอยู่บ้าง เช่น หนังบริเวณคอ ขอบตา เป็นต้น มีขนตายาวงาม ขาสั้น ชอบกระโดด ลิ้นสั้นจึงกินอาหารโดยจัดอาหารอยู่ที่ส่วนปลายปากแล้วโยนกลับลงคอไปปกตินกเงือกจัดได้ว่ากินอาหารทั้งผลไม้และสัตว์เล็ก ๆ แต่ผลไม้พวก ไทร ดูจะเป็นอาหารหลักของนกเงือกเอเซีย
            นอกจากเสียงร้องดังแล้ว นกเงือกเป็นนกที่บินเสียงดังมากโดยเฉพาะนกเงือกขนาดใหญ่ เสียงดังนี้เกิดจากที่อากาศผ่านช่องว่างระหว่างโคนขนปีกเนื่องจากนกเงือกไม่มีขนคลุมด้านใต้ของปีก เมื่อกระพือปีกแต่ละครั้งจึงเกิดเสียงดังราวกับรถจักรไอน้ำ และหากนกเงือกขนาดใหญ่บินมาเป็นฝูงจะทำให้เกิดเสียงดังราวพายุ
          อุปนิสัยในการทำรังของนกเงือกเป็นลักษณะเด่นเฉพาะตัวของนกในวงศ์นี้ ( Bucerotidae) คือทำรังในโพรงไม้ แต่มันจะไม่สามารถเจาะรังได้เองอย่างนกหัวขวาน แต่จะเสาะหาโพรงที่มีอยู่โดยธรรมชาติหรือที่มีสัตว์อื่นทำให้เกิดขึ้น ที่แปลกคือไม่เพียงแต่เข้าไปอยู่ในโพรงนกเงือกตัวเมียยังปิดปากโพรงเสียด้วยวัสดุต่าง ๆ อันได้แก่ มูลของมันเอง เศษไม้ ดิน เป็นต้น ผสมกันพอกปากโพรงให้เล็กลงจนเหลือเพียงช่องแคบ ๆ เพียงพอที่พ่อนกจะส่งอาหารผ่านด้วยจงอยปาก นกเงือกตัวเมือจะออกไข่ ฟักไข่ และเลี้ยงลูกอยู่ภายในโพรงจนกว่าลูกนกจะโตพอที่จะบินได้จึงจะกระเทาะปากโพรงออกมา ซึ่งกินเวลาประมาณ 3-4 เดือน
           ชีวิตรักของนกเงือกเริ่มต้นราวกลางเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ เราจะเห็นนกเงือกอยู่กันเป็นคู่ส่วนใหญ่แล้วตัวผู้จะเสาะหารัง ตัวเมียจะคอยติดตามไปดูด้วยและตัดสินใจว่าพอใจโพรงนี้รึเปล่า เพราะตนจะต้องอยู่ในโพรงนี้อีกหลายเดือน
            โพรงรังของนกเงือกซึ่งศึกษาที่เขาใหญ่จะพบในต้นไม้ตระกูลยางมากที่สุด โดยขนาดของต้นไม้ที่มีโพรงใหญ่พอ หากวัดที่ระดับความสูงของหน้าอกคนวัดเส้นผ่าศูนย์กลางตกราว ๆ 1 เมตร ปากโพนงจะต้องไม้ใหญ่หรือเล็กเกินไปขนาดพอดีๆ ก็ตกราว 20*12 ซม.ความสูงของเพดานรังกว่า 1 เมตรขึ้นไปพื้นโพรงรังต้องไม่ลึกต่ำกว่าขอบประตูล่างมากนัก ความกว้างภายในโพรงใหญ่พอก็ประมาณ 50*40 ซม. โดยปกตินกเงือกจะใช้โพรงปีแล้วปีเล่าหากโพรงนั้นยังเหมาะสมอยู่ ตัวผู้จะเชิญชวนตัวเมียให้เข้าไปดูรังด้วยการโผบินไปเกาะปากโพรง แล้วยื่นหัวเข้าไปสำรวจภายใน บินเข้าออกหลายครั้ง ขณะเดียวกันก็เกี้ยวพาราสีกันด้วย ตัวผู้จะกระแซเข้าใกล้ตัวเมียและพยายามป้อนอาหารซึ่งได้แก่ ผลไม้ให้ตัวเมียบางคู่อาจใช้เวลานานหลายวันกว่าตัวเมียจะสนใจและยอมบิน เข้ามาดูรัง
           เมื่อคิดว่าได้โพรงที่เหมาะเป็นที่ถูกใจแล้ว ตัวเมียจะเริ่มงานทันที ถ้าปากโพรงแคบไปเนื่องจากการเจริญเติบโตของต้นไม้นกจะเจาะปากโพรงให้กว้างอีกเล็กน้อย กระเทาะวัสดุปิดรังเก่า ๆออก แล้วจะมุดเข้าไปในโพรง จากนั้นตัวเมียจะทำความสะอาดภายในโพรงโดยการคาบเศษเมล็ดผลไม้เก่า ๆ เศษขนของปีก่อนโยนทิ้ง แล้วเริ่มปิดปากโพรงเสียใหม่ วัสดุที่หาได้จะถูกผสมกับมูลของตัวเมียรวมทั้งอาหารที่สำรอกออกมาแล้วพอกลงบนปากโพรงที่เปรียบเหมือนประตู โดยใช้จงอยปากด้านข้างตีให้ติดกัน เมื่อวัสดุนี้แห้งจะแข็งและเหนียวมาก ตัวผู้อาจช่วยหาวัสดุเช่นดิน หรือ เปลือกไม้มาให้ แล้วแต่ชนิดของนกเงือกว่าชอบประตูที่ทำด้วยวัสดุอะไร เช่น นกกกใช้เปลือกไม้ เศษไม้ผุ ๆ เศษอาหารแต่ไม่ใช้ดินเลย ตรงข้ามนกแก๊กจะใช้ดินเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ตัวผู้จะคอยเฝ้าเป็นเพื่อนอยู่ข้างนอกเกือบตลอดเวลา และคอยป้อนอาหารหลังจากตัวเมียเสร็จงานปิดโพรงในแต่ละวัน บางคู่จะส่งเสียงเบา ๆ ราวกับปลอบประโลมให้ตัวเมียอุ่นใจ และเมื่อหากตัวผู้แวบหายไปชั่วคู่ชั่วยาม ตัวเมียจะละงานปิดโพรงตามไปทันที่ ตัวผู้จะต้องพากลับมาที่โพรงอีก จะใช้เวลาปิดปากโพรงอยู่ราว 3-7 วัน
           เมื่อตัวเมียขังตัวเองอยู่ภายในโพรงเรียบร้อยแล้ว ตัวผู้จะทำหน้าที่ดูแลอย่างเคร่งครัดน่ายกย่องสรรเสริญเป็นอย่างยิ่งนับเป็นเยี่ยงอย่างที่ดี ในระยะแรกๆ ในการทำรังคือช่วงตัวเมียฟักไข่ การป้อนอาหารจะไม่บ่อยนัก ราววันละ 2-3 ครั้ง อาหารส่วนมากจะเป็นพวกผลไม้ ระยะนี้ตัวผู้พอมีเวลาให้ตัวเองบ้างก็จะแต่งตัวให้หล่ออยู่เสมอ ส่วนตัวเมียก็จะถือโอกาสนี้ผลัดขนเสียใหม่
           เมื่อเวลาผ่านไปราว 5-7 สัปดาห์ ลูกนกจะฟักออกเป็นตัว ตัวผู้ต้องรับภาระหนักมาก พ่อนกจะเริ่มหน้าที่ของตนตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนหลังพระอาทิตย์ตก การป้อนอาหารจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ วันละ 10 ครั้ง หรือกว่านั้นชนิดอาหารที่นำมาป้อนจะมีความหลากหลายมากขึ้น มีผลไม้ป่าอื่นๆ นอกจากไทร เช่น ส้มโมง สุรามะริด กำลังเลือดม้า ตาเสือเล็ก ตาเสือใหญ่ หว้ามะหาดขี้ตุ่น ยางโดน มะเกิ้ม พิพวนป่า มะขามแป พญาไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องหาอาหารเสริมโปรตีนมาเลี้ยงลูกเช่น แมลงนานาชนิด สัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู กิ้งก่า ปลา ปู กบ เขียด กิ้งกือ ไส้เดือน นก ไข่และลูกนก หนู กระรอก ค้างคาว เป็นต้น การอาหารต้องไปตามแหล่งผลไม้สุก สำรวจตามโพรงไม้เพื่อหาสัตว์ที่อาศัยอยู่ในโพรง เช่นกระรอกบินหากจับได้ก็จะนำมาเป็นอาหารให้ลูกนก อาจกระเทาะเปลือกไม้เพื่อหาตัวหนอน โบยบินเพื่อจับแมลงในอากาศ ลงพื้นดินและริมน้ำเพื่อจับปลา ปู หาไส้เดือน งูดิน เป็นต้น ต้องใช้กำลังงานไปมากช่วงนี้จะดูพ่อนกโทรมมาก
           นกเงือกเป็นนกที่สะอาดสะอ้าน ทั้งแม่และลูกจะถ่ายมูลผ่านช่องแคบๆนี้ ลูกนกจะไม่สามารถถ่ายมูลให้พุ่งพ้นปากโพรงจึงตกอยู่แค่ปากโพรง เมื่อพ่อนกป้อนอาหารเสร็จในแต่ละครั้งจะคาบเอามูลของลูกมันทิ้ง จากพฤติกรรมนี้เราสามารถจะทำนายได้ว่ารังใดมีลูกนกฟักเป็นตัวแล้ว อาหารพวกที่เป็นผลไม้ที่มีเมล็ดในแข็งนกเงือกจะสำรอกทิ้งออกมาภายนอกโพรง เราจึงพบว่าที่โคนต้นไม้ที่เป็นรังนกจะเต็มไปด้วยมูลนกและเมล็ดผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะงอกเป็นต้นกล้าเต็มไปหมด
          การเลี้ยงลูกนกเงือกพ่อนกจะส่งอาหารผ่านแม่นก แม่นกจะมีส่วนในการกำหนดเมนูสำหรับลูกนก บางคราวพ่อนกนำผลไม้บางชนิดมาป้อนซ้ำๆ แม่นกจะปฏิเสธไม่ยอมรับ ถ้าพ่อนกยังตื้อที่ป้อนต่อไป แม่นกจะรับมาโยนทิ้งไปต่อหน้าต่อตา ก็เป็นสัญญาณเตือนพ่อนกว่าจะต้องเปลี่ยนอาหารแแล้วมิฉะนั้นจะเหนื่อยเปล่าเพราะแม่เจ้าประคุณโยนทิ่งอย่างไร้เยื่อใย ทั้ง ๆ ที่พ่อนกนั้นเวลาป้อนอาหารแต่ละทีก็แสนจะอ่อนโยน พ่อนกจะสำรอกอาหารออกมาคราวละหนึ่ง แล้วบรรจงป้อนให้แม่นกชนิดปากต่อปากจนกว่าแม่นกจะรับไปจะไม่มีการสำรอกไว้ในโพรงแล้วปล่อยให้เก็บกินเอง และไม่มีการผิดพลาดโดยป้อนผลไม้ที่ตัวเองกินเนื้อแล้วเป็นอันขาด หากเป็นอาหารประเภทสัตว์ก็จะฆ่าเสียให้ตายก่อนโดยฟาด   กับกิ่งไม้หรือกัดย้ำด้วยจงอยปากแล้วป้อน
             เมื่อเวลาล่วงเข้าประมาณสัปดาห์ที่ 10 ถึง 15 พ่อนกจะเริ่มลดอาหารลง ก็แสดงว่าใกล้เวลาอันสมควรที่ ลูกนกและแม่นกจะออกจากโพรงเสียทีเมื่ออกจากโพรงแล้วลูกนกจะบินได้เกือบทันทีเพราะซ้อมกระพือปีกไว้บ้างแล้ว ขณะอยู่ในโพรง พ่อแม่นกจะคอยดูแลโดยป้อนอาหารและสอนร่อนไปในหมู่ไม้ให้ลูกนกอีกราว 5-6 เดือน หรือ จนกว่าฤดูทำรังใหม่จะใกล้เข้ามา ก็เป็นอันว่าลูกนกบรรลุนิติภาวะที่จะหากินดูแลตัวเองได้
           นกเงือกจัดว่ามีศัตรูน้อยแต่ที่สำคัญเห็นจะเป็น หมาไม้ ซึ่งไต่ไปถึงรัง หากพบว่าปากโพรงเปิดอยู่เนื่องจากแม่นกออกมาก่อน ลูกนกจะตกเป็นเหยื่อของหมาไม้ได้ง่าย อีกา ก็เป็นศัตรูที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่มักจะคอยจิกตีลูกนกที่เพิ่งออกจากโพรง
          เมื่อเข้าฤดูฝนก็หมดช่วงทำรัง นกเงือกมักจะรวมกันเป็นฝูงใหญ่บ้างเล็กบ้างแล้วแต่ชนิดนกเงือก นกเงือก กรามช้างดูจะรวมฝูงกันมากที่สุดบาง คราวอาจรวมกันมากถึง 1000 ตัว ไปหากิน และนอนตามหุบเขาลึก
           ด้วยลักษณะการดำรงชีวิตดังกล่าวมาแล้ว นกเงือกจึงมีบทบาทที่สำคัญในระบบนิเวศของป่าดงดิบ นั่นคือช่วยกระจายพันธุ์พืชโดยการสำรอกเมล็ดผลไม้ทิ้งหรือถ่ายเมล็ด ออกมา ชีวิตของนกเงือกต้องขึ้นอยู่กับป่าที่สมบูรณ์ มีต้นไม้ใหญ่ ที่มีโพรงให้ทำรัง มีแหล่งอาหารที่เพียงพอ จึงอาจใช้เป็นตัวบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้
          เนื่องจากสถานการณ์ของป่าไม้บ้านเราลดน้อยลงไปทุกที่ ประกอบกับการที่นกถูกล่า เพื่อนำมาเลี้ยงหรือนำมาใช้ทำเครื่องประดับ ทำให้โอกาสที่นกเงือกจะสืบทอดพันธุ์ต่อไปให้คนรุ่นหลังๆ ได้ชื่นชมเห็นที่จะเลือนลาง ถ้าทุกฝ่ายรวมทั้งพวกเรา ยังหลงฟุ้งเฟ้อกับการพัฒนาประเทศโดยปราศจากการวางแผนที่รอบคอบ จริงจัง จริงใจ และโปร่งใส มรดกไทยที่ธรรมชาติได้สั่งสมมาช้านาน ไม่จำเพาะแต่นกเงือกเท่านั้น คงถึงกาลอวสานเป็นแน่แท้


ที่มา: http://webboard.thai-tour.com/view_topic.php?id_topic=438

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น